Home ความสวยความงาม เซรั่มไฮยาลูรอน ช่วยเติมน้ำให้ผิวอิ่มฟู

เซรั่มไฮยาลูรอน ช่วยเติมน้ำให้ผิวอิ่มฟู

0
เซรั่มไฮยาลูรอน ช่วยเติมน้ำให้ผิวอิ่มฟู

เซรั่มไฮยาลูรอน ช่วยเติมน้ำให้ผิวอิ่มฟู

สำหรับคนที่รักสวยรักงามย่อมต้องเคยได้ฟังคำว่าไฮยาลูรอน เพราะไฮยาลูรอนเป็นตัวช่วยเพิ่มความแข็งแรง เปล่งปลั่งและลดเรือนริ้วรอย แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนมีให้เลือกหลายชนิด โดยเฉพาะ เซรั่มไฮยาลูรอนที่ใช้แล้วได้ผลรวดเร็ว ซึ่งวันนี้เรามาทำความรู้จักกับไฮยาลูรอนและวิธีเลือกเซรั่มที่เหมาะกับคุณ


เซรั่มไฮยาลูรอน คืออะไร? 

เซรั่มไฮยาลูรอนไฮยาลูรอน มีชื่อเต็มว่า ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) เป็นน้ำตาล polysaccharide ที่ร่างกายสร้างตามธรรมชาติ ซึ่งสารไฮยาลูรอนสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยในการหล่อเลี้ยง ลื่นบริเวณและลดการเสียดสีระหว่างอวัยวะ อย่างข้อต่อ ลูกตาและไขข้อ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อีกด้วย ถึงแม้ว่าร่างกายจะสามารถสร้างไฮยาลูรอนได้เอง แต่เมื่อมีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป อัตราการสร้างไฮยาลูรอนจะเริ่มลดลง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังเกิดความเสื่อมสภาพ เหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอย ดังนั้นเพื่อชะลอการเสื่อมของผิวการใช้เซรั่มไฮยาลูรอนจะช่วยเพิ่มปริมาณไฮยาลูรอนให้กับผิว ทำให้ผิวมีความเปล่งปลั่ง เนียนนุ่มและชุ่มชื้นเหมือนวัยเยาว์ได้ 

โดยไฮยาลูรอนแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ตามขนาดของโมเลกุล คือ

  1. High Molecular Weight คือ ไฮยาลูรอนที่มีขนาดโมเลกุลมากกว่า 600 kDa ซึ่งถือว่าเป็นไฮยาลูรอนที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ที่สุด สามารถซึมทราบเข้าสู่ผิวได้ที่ชั้นหนังกำพร้าจึงช่วยรักษาความชุ่มชื้น ป้องกันการสูญเสียน้ำของผิวได้เป็นอย่างดีและยังช่วยลดความร้อนของรังสียูวีด้วย 
  2. Middle Molecular Weight คือ ไฮยาลูรอนที่มีขนาดโมเลกุลอยู่ระหว่าง 150-600 kDa เป็นโมเลกุลขนาดกลาง สามารถซึมได้ลึกสุดที่บริเวณชั้นหนังกำพร้า ซึ่งไฮยาลูรอนชนิดนี้จะช่วยเพิ่มน้ำให้กับผิวที่บริเวณชั้นหนังกำพร้า ทำให้ผิวชุ่มชื้น แลดูอิ่มน้ำมากยิ่งขึ้น 
  3. Low Molecular Weight คือ ไฮยาลรอนที่มีขนาดเล็กที่สุด ซึ่งในปัจจุบันนี้มีการพัฒนาให้มีขนาดเล็กมากถึง 52 kDa ซึ่งถือว่าเล็กมาก โดยไฮยาลูรอนชนิดนี้จะซึมทราบเข้าสู่ผิวได้ลึกที่สุดถึงบริเวณระหว่างชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ ทำให้ริ้วร้อยตื่นขึ้นและยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว ทำให้ผิวเปล่งปลัง เต่งตึงยิ่งขึ้น

ในเซรั่มไฮยาลูรอนจะมีการใช้ไฮยาลูรอนตามคุณสมบัติของเซรั่มที่ทำการผลิต ซึ่งผู้ใช้จะต้องเลือกเซรั่มให้เหมาะกับตนเอง เพื่อให้คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย


มีประโยชน์อย่างไรในการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น

เซรั่มไฮยาลูรอนอย่างที่รู้กันว่าไฮยาลูรอนสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย รักษาผิวให้อ่อนเยาว์ไว้ได้ เนื่องจากไฮยาลูรอนสามารถกักเก็บน้ำไว้ได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัว ดังนั้นเมื่อไฮยาลูรอนซึมเข้าไปสู่ใต้ผิวก็จะทำการกักเก็บน้ำไว้ ส่งผลให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นเซรั่มไฮยาลูรอนที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก จะซึมเข้าไปอยู่ที่บริเวณ หนังกำพร้าถึงชั้นหนังแท้ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่ลึกที่สุดของชั้นผิวหนัง โดยไฮยาลูรอนที่ซึมเข้าไปจะกระตุ้นให้ชั้นหนังแท้มีการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ในปริมาณที่มากขึ้น ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น เต่งตึงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย 


วิธีเลือกใช้ เซรั่มไฮยาลูรอน

เซรั่มไฮยาลูรอน

เซรั่มไฮยาลูรอนเป็นหนึ่งในครีมบำรุงผิวมอยส์เจอไรเซอร์ที่ดีที่สุดในการเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวให้กับมาอ่อนเยาว์ ซึ่งการเลือกเซรั่มให้เหมาะสมกับผิวมีเทคนิคการเลือกดังนี้

อายุและขนาดโมเลกุลของไฮยาลูรอน ผิวในแต่ละช่วงอายุจะมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งไฮยาลูรอนแต่ละขนาดจะมีเหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาผิวที่ต่างกัน ดังนั้นการเลือกต้องขนาดโมเลกุลที่เหมาะสมกับช่วงอายุดังนี้

  • อายุ 20 – 30 ปี ช่วงนี้ผิวยังมีไฮยาลูรอนตามธรรมชาติอยู่ในปริมาณที่สูงมาก จึง สามารถใช้เซรั่มไฮยาลูรอนได้ทั้ง High molecular hyaluron, Middle Molecular Weight และ Low Molecular Weight การใช้เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว เป็นครีมกระชับรูขุมขน และป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำออกไป 
  • อายุ 30-40 ปี ช่วงอายุนี้ปริมาณไฮยาลูรอนตามธรรมชาติลดลงจนเกิดปัญหาริ้วรอยและร่องลึก จึงควรเลือกใช้ควรเลือกใช้ไฮยาลูรอนชนิด Middle Molecular Weight และ Low Molecular Weight เพราะสามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ลึก ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำใต้ผิวหนัง ทำให้ริ้วรอยลดลง ร่องผิวตื้นขึ้น
  • อายุ 50 ปีขึ้นไป ช่วงอายุนี้ปริมาณไฮยาลูรอนแทบจะไม่เหลือแล้ว สังเกตได้จากริ้วรอยที่เห็นชัดเจนและร่องผิวมีความลึกมาก ๆ ควรเลือกใช้ไฮยาลูรอนชนิด Low Molecular Weight ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด เพื่อให้ไฮยาลูรอนซึมลึกเข้าสู่บริเวณระหว่างชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้จึงช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินมากขึ้น ส่งผลให้ริ้วรอยตื้นขึ้น ผิวมีน้ำมีนวล แลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น

ปัญหาผิว นอกจากปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เกิดขึ้นแล้ว ผิวทุกคนจะมีปัญหาที่ต้องการการดูแลอย่างจุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ ดังนั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซรั่มไฮยาลูรอนให้ตอบโจทย์ผิวมากยิ่งขึ้น ควรเลือกเซรั่มที่ช่วยแก้ปัญหาผิวอย่างอื่นร่วมด้วย โดยการเพิ่มส่วนผสมไปในเซรั่มไฮยาลูรอน เช่น เซรั่มวิตามินซี โคเอนไซน์คิวเทน อาร์แกนออยด์ AHA ไทอามิดอล ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด 


จะเห็นว่า เซรั่มไฮยาลูรอน เป็นเซรั่มที่มีประสิทธิภาพในการช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำให้ดูอ่อนเยาว์ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากต้องการแก้ปัญหาผิวและริ้วรอยควรเลือกใช้เซรั่มไฮยาลูรอนที่เหมาะกับสภาพผิวและอายุของคุณ เพียงเท่านี้ความสาว ความสวยจะคงอยู่กับคุณไปอีกนาน


ที่มา 

https://aquaplus.co.th/%E0%B9%84%E0%B8%AE%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/

https://www.loreal-paris.co.th/what-is-hyaluron

https://www.eucerin.co.th/skin-concerns/ageing-skin/hyajelly_aging